สร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่

สร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่


การสร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่ คือ การสร้างขอบเขตพื้นที่จากการกำหนดระยะเวลาการขับขี่ ระยะทางที่ขับขี่ ระยะทางการเดินเท้า และอื่นๆ ซึ่งวัดระยะทางจากหนึ่งจุดหรือหลายๆ จุด (ไม่เกิน 1,000 จุด) ตลอดเส้นทางถนนหรือทางเดินเท้า ในการสร้างชั้นข้อมูลที่สามารถใช้ตอบคำถามต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่

คุณจะสามารถตอบคำถามต่างๆ เหล่านี้ได้ เพียงแค่ดูจากผลลัพธ์ที่ปรากฎนี้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์เชิงพื้นที่อื่นๆ โดยใช้พื้นที่ที่ได้รับมานี้ ตัวอย่างเช่น ประมวลผล การรวมจุดข้อมูลต่างๆ โดยใช้การสร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่ ร่วมกับข้อมูลประชากร ซึ่งจะช่วยพิจารณาความเป็นไปได้ในการเลือกทำเลที่ตั้งร้านค้าที่สามารถรองรับลูกค้าได้มากที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ


Tip: 

ในการสร้างขอบเขตพื้นที่ โดยการวัดจากระยะทางโดยตรงแทนที่จะเป็นการวัดระยะทางจากเส้นทางถนน ให้ใช้เครื่องมือสร้างระยะกันชนแทน


ถ้า เลือกใช้ขอบเขตแผนที่ที่แสดงอยู่ จะมีเฉพาะฟีเจอร์ที่ปรากฎอยู่ในขอบเขตที่แสดงอยู่เท่านั้น ที่จะถูกนำมาใช้คำนวณหาขอบเขตพื้นที่จากระยะเวลาขับขี่หรือจากระยะทางขับขี่ แต่ถ้าไม่เลือก ทุกๆ ฟีเจอร์ที่อยู่ในชั้นข้อมูลนี้จะถูกนำมาคำนวณหาขอบเขตพื้นที่ ถึงแม้ว่าฟีเจอร์นั้นจะอยู่นอกเหนือขอบเขตแผนที่ที่แสดงอยู่ก็ตาม

การวัด


เลือกรูปแบบการเดินทางของคุณ (ขับรถยนต์ ขับรถบรรทุก หรือเดินเท้า) และรูปแบบการคำนวณ (ใช้ระยะเวลาหรือระยะทาง) หลังจากที่เลือกรูปแบบและการคำนวณแล้ว ให้ใส่ช่วงเวลาหรือระยะทางและหน่วย เช่น 5 ชั่วโมง (300 นาที) หรือ300 ไมล์ (482.80 กิโลเมตร)

เมื่อคุณเลือก ระยะเวลาที่ใช้ในการขับขี่ คุณจะมีตัวเลือกว่าจะคำนวณเวลาที่ใช้ในการขับขี่อย่างไร

  • ไม่เลือก ใช้การจราจร เพื่อสร้างพื้นที่จากการกำหนดเวลาในการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ โดยตัวเลือกที่เลือกนี้ สำหรับการสร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่ทั่วไป โดยไม่นำสภาพการจราจรมาคำนวณร่วมกับเวลาที่เริ่มออกเดินทางด้วย

  • เลือก ใช้การจราจร เพื่อสร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่โดยใส่เวลาที่ออกเดินทางและปรับเปลี่ยนตามสภาพการจราจร รวมทั้งการเลือกตัวเลือก รายงานสดการจราจร โดยกำหนดเวลาที่เริ่มออกเดินทางจากจุดเริ่มต้นให้เป็นเวลาปัจจุบัน และการคาดการณ์สภาพการจราจร ความเร็วที่ใช้อ้างอิงจากเครื่องตรวจจับสัญญาณ รวมทั้งรายงานที่ใช้สร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่ การคาดการณ์ความเร็วในการจราจรถูกคำนวณโดยอ้างอิงจากความเร็วของรายงานสดการจราจร ประวัติความเร็ว และเหตุการณ์ปัจจุบัน เช่น สภาพอากาศ สภาพการจราจรถูกคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึง 12 ชั่วโมง ดังนั้น คุณสามารถปรับเปลี่ยนและตั้งเวลาที่จะออกเดินทางล่วงได้ถึง 12 ชั่วโมง

    ใช้การตั้งค่ารายงานสดการจราจรเหล่านี้ เพื่อค้นหาพื้นที่ที่คุณสามารถเข้าถึงได้หากต้องการที่จะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ออกเดินทางอีก 1 ชั่วโมงหลังจากนี้ หรือในช่วงเวลาอื่นๆ

  • โดยการเลือก ใช้การจราจร และเลือก การจราจรบนสภาพทั่วไปสำหรับ วันและเวลา เครื่องมือนี้ ทำการสร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่ โดยอ้างอิงจากความเร็วเฉลี่ยที่บันทึกไว้ทุกๆ 5 นาที จากช่วงเวลาต่างๆ ของสัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้นั้น จะคำนวณจากการจราจรปกติ แต่ไม่ครอบคลุมถึงปัจจัยหรือสภาพการจราจรในปัจจุบัน และเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความแตกต่างไปจากปกติ

    คุณสามารถใช้การตั้งค่าประวัติการจราจรเพื่อทำการค้นหา ตัวอย่างเช่น "พื้นที่ไหนบ้างที่ฉันจะสามารถไปถึง หากเริ่มออกเดินทางเวลา 11:30 น. ในวันพุธ?"

    เวลาที่คุณกำหนดจะอ้างอิงกับโซนเวลามาตรฐาน ซึ่งตรงกับตำแหน่งของจุดข้อมูลนำเข้าที่ตั้งอยู่ ดังนั้นถ้าคุณตั้งเวลาเป็น 8:00 น. และคุณมีข้อมูลอยู่ 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ตำแหน่งแรกที่เมืองนิวยอร์ค และอีกตำแหน่งที่ลอสแองเจิลลิส การสร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่จะถูกสร้างจากเวลา 8:00 น. เวลาตะวันออก และ 8.00 น. เวลาโซนแปซิฟิก ตามลำดับ

หมายเหตุ เมื่อยานพาหนะขับออกจากจุด, เวลาที่ผ่านไป และการเปลี่ยนแปลงสภาพการจราจร เครื่องมือสร้างขอบเขตจากระยะเวลาขับขี่จะคำนวณจากตัวแปรต่างๆ ตามที่คุณเลือก ได้แก่ ระยะเวลาขับขี่ และเลือก ใช้สภาพการจราจร; อย่างไรก็ดี มีเพียงบางภูมิภาคเท่านั้นที่รองรับเรื่องสภาพการจราจร คลิกเพื่อ ดูลิงก์ที่พร้อมใช้งาน บนเครื่องมือ เพื่อค้นหาว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ในพื้นที่ที่คุณต้องการ

ระยะเวลาการเดิน และ ระยะทางการเดินใช้ความเร็วคงที่ที่5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (3.1ไมล์ต่อชั่วโมง) และกำหนดให้เดินบนทางเท้า เช่นเดียวกับถนนที่ถูกออกแบบไว้ (ขณะเดียวกันให้ยกเว้นกฏเกณฑ์ที่มีผลกับรถยนต์ เช่น การเดินรถทางเดียว)

ระยะเวลาการขับรถบรรทุก และ ระยะทางการขับรถบรรทุก ใช้ความเร็วคงที่และเป็นไปตามกฏเกณฑ์การขับรถบรรทุกที่กำหนดไว้

พื้นที่จากจุดที่แตกต่างกัน


เลือกวิธีการใช้พื้นที่ร่วมจากข้อมูลจุดที่นำเข้าอย่างแตกต่างกัน เมื่อข้อมูลทั้งหมดมีความสอดคล้องซึ่งกันและกัน โดยสามารถ:

  • การซ้อนทับ----พื้นที่จากจุดที่แตกต่างกันอาจจะครอบคลุมถนนเดียวกัน ข้อดีคือ ในกรณีที่คุณต้องการที่จะทราบว่า ข้อมูลจุดที่นำเข้าทั้งหมดนี้สามารถเข้าถึงได้ภายในเวลาหรือเส้นทางที่กำหนดไว้
  • การรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว---พื้นที่ทั้งหมดถูกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และมีเพียงพื้นที่เดียวเท่านั้นที่สามารถครอบคลุมตำแหน่งนี้ได้ ข้อดีคือ คุณจะทราบได้ว่าพื้นที่ที่คุณสามารถเข้าถึงในระยะเวลาหรือระยะทางที่กำหนด แต่คุณไม่จำเป็นต้องทราบว่าข้อมูลจุดที่นำเข้าใดบ้างที่สามารถเข้าถึงได้
  • การแบ่ง---พื้นที่จากตำแหน่งที่นำเข้าต่างกัน อาจซ้อนกับตำแหน่งอื่นซึ่งถูกแบ่งตรงกลาง ดังนั้นตำแหน่งดังกล่าว จึงกับอยู่ติดกับตำแหน่งอื่นๆ แทน ข้อดีคือ คุณจะทราบได้ว่าพื้นที่ใดบ้างอยู่ภายในระยะเวลาหรือระยะทางที่กำหนดจากตำแหน่งจุดที่ป้อนเข้าไป ในเวลาเดียวกัน ก็พิจารณาตำแหน่งจุดที่ใกล้พื้นที่ดังกล่าวที่สุดด้วย

ชื่อชั้นข้อมูลผลลัพธ์


ชื่อนี้เป็นชื่อของชั้นข้อมูลที่จะถูกสร้างอยู่ใน เนื้อหาของฉันและถูกเพิ่มเข้าไปบนแผนที่ ชื่อตั้งต้นนี้อ้างอิงมาจากชื่อชั้นข้อมูลที่ใช้วิเคราะห์ หากชั้นข้อมูลนั้นมีอยู่แล้ว คุณจะถูกถามเพื่อให้ยึนยัน หากคุณต้องการจัดเก็บทับไฟล์เก่า

โดยให้ บันทึกผลลัพธ์ใน กล่องรายการตัวเลือกแบบดึงลง ซึ่งคุณสามารถกำหนดชื่อโฟลเดอร์ใน เนื้อหาของฉัน ซึ่งเป็นที่จัดเก็บผลลัพธ์ได้